ราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อผิวสดใสเปล่งปลั่ง นวลเนียน ไร้ริ้วรอย
" แอสตาแซนธิน " (Astaxanthin)
สารต้านอนุมูลอิสระทางเลือก
มากกว่า วิตามิน ซี 6,000 เท่า,
CoQ10 800 เท่า,
วิตามิน อี 550 เท่า,
Green tea catechins 550 เท่า,
Alpha lipoic acid 75 เท่า,
เบต้า แคโรทีน 40 เท่า
และ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า
=====
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแอสตาแซ
และกา
“ริ้วรอย” (Wrinkle) เป็นปรากฎการณ์การเสื่อมสภา
ปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอย ได้แก่
- ปัจจัยภายใน อาทิเช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดการเสื่อมไปตามธร
- ปัจจัยภายนอก คือ มลภาวะต่างๆ ได้แก่ รังสียูวี มลพิษทางอากาศ ฝุ่นควัน การสูบบุหรี่ ซึ่งก่อให้เกิดอนุมูลอิสระภ
ประเภทของริ้วรอย
1. ริ้วรอยตื้น (Fine wrinkles) มีลักษณะเป็นเส้นบางๆ ที่ผิวมักเกิดบริเวณแก้มเป็
2. ริ้วรอยร่องลึก (Deep wrinkles or skin folds) ริ้วรอยร่องลึกมักเกิดจากคว
เหตุใดอนุมูลอิสระจึงทำให้เ
อนุมูลอิสระ (free radical หรือ oxidant) คือ โมเลกุลที่มีอิเลคตรอนอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระคือ สารที่สามารถป้องกันหรือ
แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิ
แอสตาแซนธินมีความสามารถในก
งานวิจัยทางคลีนิคศึกษาผลด้
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยกับก
อีกงานวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่
นอกจากนี้ เนื่องจากแอสตาแซนธินเป็นสา
• ทางด้านผลต่อสายตาและการมอง
มีงานวิจัยของประเทศอิตาลี เป็นการทดลองแบบมีกลุ่มควบค
• ทางด้านไขมันในเลือด
งานวิจัยของประเทศเกาหลี ทำการทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม
วิตามินซีกับความสวยความงาม
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูล
การทำงานร่วมกันของแอสตาแซน
เอกสารอ้างอิง
1. Jirum J., and Srihanam P. (2011). Oxidants and antioxidants: Sources and mechanism. Academic Journal of Kalasin Rajabhat University. 1(1): 59-70.
2. นายแพทย์วิโรจ สินธวานนท์. (2556). ผิวหนัง อวัยวะมหัศจรรย์. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.inderm.go.th/
3. Halliwell B. (2009). The wanderings of a free radical. Free Radical Biology and Medicine. 46: 531–542.
4. Tominaga K., Hongo N., Karato M., and Yamashita E. (2012). Cosmetic benefits of astaxanthin on humans subjects. Acta Biochimica Polonica. 59(1): 43-47.
5. Guerin M., Huntley M.E., and Olaizola M. (2003). Haematococcus astaxanthin: applications for human health and nutrition. Trends in Biotechnology. 21(5): 210-216.
6. Hussein G., Sankawa U., Goto H., Matsumoto., and Watanabe H. (2006). Astaxanthin, a carotenoid with potential in human health and nutrition. Journal of Natural Products. 69(3): 443-449.
7. Nishida Y., Yamashita E., and Miki W. (2007). Quenching Activities of Common Hydrophilic and Lipophilic Antioxidants agints Singlet Oxygen Using Chemiluminescence Detection System. Carotenoid Science. 11: 16-20.
8. Yamashita E. (2006). The Effect of a Dietary Supplement Containing Astaxanthin on Skin Condition. Carotenoid Science. 10: 91-95..
9. Piermarocchi S., Saviano S., Parisi V., Tedeschi M., Panozzo G., Scarpa G., Boschi G., and Lo Giudice G. (2012). Carotenoids in Age-related Maculopathy Italian Study (CARMIS): two-year results of a randomized study. European Journal of Ophthalmology. 22(2): 216-225.
10. Choi H.D., Youn Y.K., and Shin W.G. (2011). Positive effects of astaxanthin on lipid profiles and oxidative stress in overweight subjects. Plant Foods for Human Nutrition. 66(4): 363-369.
11. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอา
12. Yang B.W., Lin Y.M., Wang S.Y., Yeh D.C. (2012). The study of absorption efficiency and restoring effects of collagen and ascorbic acid on aged skin by fluorescence and reflection spectroscopy. Guang Pu Xue Yu Guang Pu Fen Xi. Dec;32(12): 3299-303.
- ข้อมูลจาก: http://
=====
Astaxanthin
ตอบโจทย์ของการมีผิวสุขภาพดี ได้มากที่สุด
งานวิจัยทางคลีนิคศึกษาผลด้
ที่มีส่วนประกอบของแอสตาแซน
ที่สุขภาพดี พบว่า หลังจากสัปดาห์ที่ 6 อาสาสมัครกลุ่มที่ได้รับแอส
วันละ 4 มิลลิกรัม (2 x 2 มิลลิกรัม) มีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ริ้วรอยลดเลือนลง ความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รั
แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)
มีความสามารถ ในการต้านอนุมูลอิสระ ได้แรงกว่า วิตามินซี 6000 เท่า,
ดีกว่า CoQ10 800 เท่า,
ดีกว่า วิตามินอี 550 เท่า,
ดีกว่าชาเขียว 550 เท่า
ดีกว่า Alpha lipoic acid 75 เท่า,
ดีกว่า เบต้า แคโรทีน 40 เท่า,
และดีกว่าสารสกัดจากเมล้อดอ
แอสตาแซนธิน มีคุณสมบัติพิเศษคือ
สามารถปรับตัวเองอยู่ได้ทั้
เป็นไฮโดรฟิลิก (ชั้นน้ำ) และไฮโดรโฟลิก(ชั้นไขมัน)
ได้ทั้ง 2 ส่วน จึงมีคุณสมบัติที่เหนือกว่า
ในการป้องกัน ผนังเซลล์แบบ Lipid bilayer
จากปฎิกิริยา เปอร์ออกซิเดชั่น
ต่างกับเบต้า-แคโรทีนที่จะอ
เฉพาะส่วนที่เป็นชั้นไขมัน
และวิตามินซีจะอยู่ได้เฉพาะ
##แอสตาแซนธิน เข้าถึงทุกส่วนของเซลล์
กิฟฟารีน แอสตาแซนธิน
สมาชิกลด 25 % เหลือกล่องละ 495 บาท
ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย
แอสตาแซนธิน 5% จาก
ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิสสกัด 40 มิลลิกรัม
(ให้แอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัม)
กรดแอสคอร์บิก 30 มิลลิกรัม
(ให้วิตามินซี 30 มิลลิกรัม)
หลังจากสัปดาห์ที่ 6 พบว่า
ผู้ที่รับประทาน แอสตาแซนธิน 4 มิลลิกรัมต่อวัน
มีริ้วรอยลดลง
ความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น
ความชุ่มชื้นของผิวดีขึ้น
สุขภาพผิวโดยรวมขึ้น
Astaxanthin แอสตาแซนธินดี ต่อสุขภาพ
มีงานวิจัยหลายฉบับ ศึกษาถึงผลของแอสตาแซนธิน ต่อสุขภาพผิว
พบว่าการรับประทานแอนตาแซนธิน อย่างสม่ำเสมอเป็นเวลาต่อเนื่องกัน
6-8 สัปดาห์ มีผลทำให้ริ้วรอยลดลง ความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้ นของผิวดีขึ้น
จุดด่างดำจากแสงแดดลดลง และสุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้น
โดยวัดจากเครื่องมือทางวิทย าศาสตร์ และการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
พบว่าการรับประทานแอนตาแซนธิน อย่างสม่ำเสมอเป็นเวลาต่อเนื่องกัน
6-8 สัปดาห์ มีผลทำให้ริ้วรอยลดลง ความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้
จุดด่างดำจากแสงแดดลดลง และสุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้น
โดยวัดจากเครื่องมือทางวิทย
รวมทั้งความพึงพอใจของผู้ทด สอบ เปรียบเทียบกับผู้ที่รับประ ทาน Placebo (ยาหลอก)
ที่ไม่มีส่วนผสมของแอสตาแซน ธิน
ที่ไม่มีส่วนผสมของแอสตาแซน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แอสตาแซนธินผสมวิตามินซี
ชนิดแคปซูล (ตรากิฟฟารีน)
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมา ณ 1 แคปซูล
สารสกัดสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิสสกัด 40 มิลลิกรัม
(ให้แอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัม)
กรดแอสคอร์บิก 30 มิลลิกรัม
(ให้วิตามินซี 30 มิลลิกรัม)
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 แคปซูล พร้อมอาหาร
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภ ค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรัก ษาโรค
รหัส 40116 ขนาด 30 แคปซูล ราคา 660 บาท
สมาชิก ลด 25%
ราคาสมาชิก 495 บาท
สารสกัดสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส
(ให้แอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัม)
กรดแอสคอร์บิก 30 มิลลิกรัม
(ให้วิตามินซี 30 มิลลิกรัม)
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 แคปซูล พร้อมอาหาร
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภ
รหัส 40116 ขนาด 30 แคปซูล ราคา 660 บาท
สมาชิก ลด 25%
ราคาสมาชิก 495 บาท
========================================
astaxanthinสารต้านอนุมูลอิสระที่มาแรงมากในยุคนี้
แอสตาแซนทิน เป็นสารอาหารหนึ่งที่โด่งดังด้วยผลวิจัยทางการแพทย์มากมาย
แอสต้าแซนทิน เป็นสารอาหารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ carotenoid ที่ได้จากปลาทะเลและสาหร่ายสีแดงพันธุ์ Haematococcus Pluvialis และ สัตว์ทะเลบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาเทาน์ กุ้ง และ ลอปสเตอร์
นานมาแล้ว ในวงการเลี้ยงปลาสวยงามจะรู้จักแอสตาแซนทินในชื่อคลอโรฟิลพิงค์ ที่ผสมในอาหารเลี้ยงปลาเพื่อเร่งสีให้เนื้อปลาสวยงามเร็วยิ่งขึ้น
astaxanthin ต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ที่สามารถนำไปสู่การออกซิเดชั่นและอาจนำไปสู่ริ้วรอยก่อนวัยของเซลล์ จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสารต่าง ๆ ดังนี้
มากกว่าวิตามินอี แอลฟา โทโคฟีรอล 550 เท่า
มากกว่าเบต้า แคโรทีน 40 เท่า
มากว่าเมล็ดองุ่นสกัด 17 เท่า
มากกว่าวิตามินซี 6000 เท่า
มากกว่า โคเอนไซม์คิวเท็น 800 เท่า
มากกว่าสารในชาเขียว 550 เท่า
มากกว่า แอลฟา ไลโปอิก เอซิด 75 เท่า
ในการกำจัดอนุมูลอิสระ
มากกว่าเบต้า แคโรทีน 40 เท่า
มากว่าเมล็ดองุ่นสกัด 17 เท่า
มากกว่าวิตามินซี 6000 เท่า
มากกว่า โคเอนไซม์คิวเท็น 800 เท่า
มากกว่าสารในชาเขียว 550 เท่า
มากกว่า แอลฟา ไลโปอิก เอซิด 75 เท่า
ในการกำจัดอนุมูลอิสระ
แอสต้าแซนทิน ยังมีคุณสมบัติในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ ปกป้อง DNA หรือ
สารพันธุกรรมในเซลล์จากการถูกทำลาย ซึ่งป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์
เป็นการป้องกันมะเร็งได้ ป้องกันเซลล์ผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดด และ
มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน
แอสตาแซนทิน สามารถใช้ร่วมกับสารสกัดเมล็ดองุ่นในการป้องกันเส้นเลือดเสื่อม และ เส้นเลือดขอดได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของ แอสต้าแซนทิน
1. ป้องกัน
และ ฟื้นฟูจอตาที่เสื่อม ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยเบาหวาน
ซึ่งจอตาจะเป็นจุดรับภาพของลูกตา ช่วยยับยั้งการสะสมของกรดในดวงตา
อันเป็นสาเหตุให้ดวงตาอ่อนล้า ช่วยป้องกันดวงตาจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต
2. ป้องกันการเสื่อมของไต และ หลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน3. ป้องกัน และ บำบัดในผู้ป่วยความจำเสื่อม และ พาร์กินสัน
4. ปรับสมดุลของโคเลสเตอรอล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง LDL ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลตัวร้าย ช่วยให้ผนังหลอดเลือดยืดหยุ่นมากขึ้น ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ควรใช้ร่วมกับสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
5. ลดภาวะอักเสบในร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยภูมิแพ้ตัวเอง ภูมิต้านทานต่ำ และ การติดเชื้อไวรัสเรื้อรัง เช่น กลุ่มผู้ป่วย AIDS ผู้ติดเชื้อไวรัสงูสวัด และ เริม
6. ทำให้สเปิร์มแข็งแรงขึ้น
7. ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อมีสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อมีความทนทานมากขึ้น
8. ปกป้องโครงสร้างผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต ช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย
9. ปรับสมดุลความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจ
10. ช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากอักเสบหรือโต และ มะเร็งต่อมลูกหมาก
11. ช่วยการซ่อมแซม และ ฟื้นฟูเซลล์สมองและหลอดเลือดในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก หรือ ผู้ป่วยที่ขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในอาหารของมนุษย์มายาวนานหลายพันปี
เช่น เนื้อปลาแซลมอนที่มีสีเข้มขนาดหนึ่งหน่วยบริโภคจะมีสารแอสตาแซนทิน
3 - 6 มิลลิกรัม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหลายการทดลองทางคลินิก
ที่ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองรับประทานอาหารที่ผลิตจาก Microalgae
ที่อุดมไปด้วยแอสตาแซนทิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน
นับตั้งแต่ปี 1995 มีการจำหน่ายแอสตาแซนทินในรูปแบบอาหารในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดแอสตาแซนทินตั้งแต่ปี 1999 โดยไม่มีการรายงานถึงผลกระทบทางด้านลบแต่อย่างใด =====
บทความบางส่วนจาก bloggang.com